การถ่ายภาพให้ออกมาสวย ไม่เพียงแค่ต้องมีกล้องคุณภาพสูง และมุมมองการถ่ายภาพที่ดี ยังต้องมีความเข้าใจในปัจจัยอุณหภูมิของแสงกับการถ่ายภาพอีกด้วย ในกล้องถ่ายรูปหรือกล้องในโทรศัพท์มือถือ จะมีโหมด White Balance หรือเรียกว่า การปรับสมดุลแสง จะมีทั้งระบบออโต้ คือให้กล้องคิดและปรับให้เลย กับอีกทางเลือกคือ โหมดการตั้งค่าเอง ที่เราต้องมีความเข้าใจในชื่อแต่ละโหมด เช่น
- โหมดแสงแดด
- โหมดแสงในร่ม
- โหมดเมฆฝน
- โหมดฟลูออเรสเซนต์
- โหมดทังสเตน
แต่ละโหมดการปรับแสงสมดุลนี้ มีพื้นฐานมากจากอุณหภูมิของแสง ที่เรียกกันว่า Kelvin Color Temperature มีการเปรียบเทียบแหล่งกําเนิดที่ใช้ในการถ่ายภาพ ให้อยู่ในรูปของอุณหภูมิสี เช่นแสงจากดวงอาทิตย์ในช่วงใกล้เที่ยงจะมีอุณหภูมิสีที่ 5,000 ํK (แสงออกอมเหลืองนิดๆ หรือในช่วงบ่ายซึ่งมีอุณหภูมิสีโดยประมาณ 6,000 ํK (หมายถึงแสงอมฟ้านิดๆ) หรือแสงของหลอด Incandescent มีอุณหภูมิสีประมาณ 3,500 ํK (แสงอมสีส้ม) ซึ่งเป็นการเทียบเคียงค่าสีของแสงที่เกิดจากการให้ความร้อนแก่ (Black body) ที่อุณหภูมิ 3,500 ํK เป็นต้น
ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/462956036681422820
ในการเลือกหลอดไฟ LED เพื่อใช้ภายในบ้าน ก็มีหลักการเลือกค่าของอุณหภูมิแสงแบบนี้เช่นกัน การเลือกอุณหภูมิแสงที่ต่างกัน ก็ทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป ตามลักษณะสีของแสงที่เปลี่ยนไป ถ้าใครชอบถ่ายภาพตอนอยู่ในบ้าน แล้วสงสัยว่าทำไมภาพที่ได้ออกมาไม่สวยอย่างที่คิด หรือตอนทำ Live VDO ที่เราไม่สามารถปรับตั้งค่าของกล้องได้ ให้ลองเลือกหลอดไฟ LED ในโทนสี ที่ต้องการมาเปลี่ยนที่ห้องสักหน่อย ก็ช่วยได้มากเช่นกันครับ
อีกตัวอย่างการเลือกใช้หลอดไฟ LED ให้เหมาะสม เช่น ถ้าใครตั้งใจจะทำงาน หรืออ่านหนังสือที่บ้าน แล้วพบว่าเป็นการยากที่จะขยับตัวให้ลุกไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ หรือพอเริ่มอ่านไปไม่นาน ก็มีอาการง่วงนอน ลองดูนะครับว่า ใช้ LED แบบ Warm White หรือไม่ ให้ลองปรับเป็น Daylight ที่ให้ความรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น ส่วนในห้องนอนนั้น ปรับแสงไฟให้เหมาะกับการพักผ่อนย่อมให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
พิเศษ หลอดไฟ LED ที่สามารถปรับระดับแสงได้สามระดับในตัวอย่าง หลอดไฟ LED รุ่น LEVEL
โดยหลอดเดียวสามารถให้อุณภูมิแสงได้สองระดับคือ 3000 K และ 6500 K ทำให้เราได้แสงไฟทั้ง Warm White และ Daylight ในหลอดเดียวกัน เพียงแค่กดสวิตซ์ต่อเนื่องกัน ก็สลับแสงไฟได้อย่างทันที