นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(Personal Data Protection Policy)

บริษัท เครื่องไฟฟ้าบุญธนาภัณฑ์ จำกัด

บริษัท เครื่องไฟฟ้าบุญธนาภัณฑ์ จำกัด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) ประกอบธุรกิจ เป็นผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่าง ท่อเหล็กร้อยสายไฟพาวเวอร์ปลั๊กสวิทช์ปลั๊ก และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป ผ่านช่องทางต่างๆของบริษัท ซึ่งบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น เพื่ออธิบายถึงวิธีการและรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) เพื่อให้เจ้าของข้อมูลได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท จึงขอประกาศนโยบายฯ ดังต่อไปนี้

  1. ขอบเขตการบังคับใช้นโยบาย

นโยบายฉบับนี้บังคับใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับ บริษัท เครื่องไฟฟ้าบุญธนาภัณฑ์ จำกัด

ในปัจจุบันและที่อาจมีในอนาคต ซึ่งหมายถึงลูกค้าบุคคลธรรมดา, พนักงาน , ผู้สมัครงาน ,กรรมการ  ผู้ถือหุ้น, คู่ค้าหรือผู้ติดต่อทั่วไป รวมถึงคู่สัญญาหรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท

  • คำนิยาม
  • ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
  • ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
  • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
  • ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  • ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
  • การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และ วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม

บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของบริษัทตามที่จำเป็น และ/หรือปฏิบัติตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท เช่น การบริหารจัดการซื้อขายสินค้าระหว่างบริษัทและลูกค้า, การตลาดและการติดต่อสื่อสาร, การรับสมัครงาน , การทำธุรกรรมทางการเงิน และการติดต่อประสานงานอื่นๆ เป็นต้น

บริษัทจะไม่กระทำการใดๆ แตกต่างจากที่ระบุไว้ในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล  เว้นแต่

(1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

(2) เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทพิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการ โดยฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทใช้ ประกอบด้วย

  1. การปฏิบัติตามสัญญา เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา เงื่อนไข ข้อตกลง หรือดำเนินการอันเป็นความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญา
  2. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามกฏหมายที่บริษัทต้องดำเนินการ 
  3. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย  เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และของบุคคลอื่น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  4. เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  5. ความยินยอมของท่าน เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัท จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการขอความยินยอมแล้ว

4.    การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลหรือหน่วยงานใด โดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัท และให้บริการต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  นอกจากนี้อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย 

  • แนวทางในการดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีการกำหนดมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามนโยบาย แนวปฏิบัติของบริษัท เช่น การจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะรายหรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้ว เท่านั้น

รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยพนักงานของบริษัทต้องปฏิบัติตามนโยบายฯ และแนวปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทกำหนดไว้ เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

  • สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิในการดำเนินการตาม พรบ.การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 ดังนี้ 

  1. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิ รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวมรวบโดยปราศจากความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอด้วยเหตุตามกฏหมาย หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  2. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าข้อมูลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอแก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ 
  3. สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฏหมายกำหนด
  4. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้

4.1) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัท ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

4.2) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

4.3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัท ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้บริษัท เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

4.4) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัท กำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5)  สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย

6)  สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

7)  สิทธิในการขอรับส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัท ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไป รวมถึงอาจขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

7. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ทั้งนี้เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไปตามรูปแบบที่บริษัทกำหนด 

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีข้อพิพาทการใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด

8. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบาย

            บริษัท จะทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท 

9. ช่องทางติดต่อกับบริษัท เพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

   เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

    บริษัท เครื่องไฟฟ้าบุณธนาภัณฑ์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)

    เลขที่ 88 ปาโซ่ ทาวเวอร์ ชั้น16 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพ 10500

    โทรศัพท์ 0 2236 0054 Fax.0 2236 2715

    เว็ปไซด์ www.electric.co.th

    อีเมล์ : BEC_pdpa@electric.co.th