หลอดไฟ LED ประหยัดไฟที่สุดจริงหรือ

Last updated: 23 มิ.ย. 2566  |  163 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หลอดไฟ LED ประหยัดไฟที่สุดจริงหรือ

เขาบอกว่า หลอดไฟแบบ LED ดีที่สุด ประหยัดไฟที่สุด เป็นความจริงไหม แล้วทำไมแค่ค่าไฟนิดหน่อย เราถึงต้องใส่ใจด้วย ยอมรับไหมครับว่า เมื่อถึงเวลาจ่ายบิลไฟแต่ละที ก็ทำเอาหลายๆ คนรู้สึกไม่ดีกันไปเป็นแทบๆ เพราะการที่ทุกๆ เดือนต้องการค่าไฟแพงๆ มันก็ทำให้เราเครียดแล้วรู้สึกมีขีดจำกัดของการใช้ชีวิตมากขึ้น วันนี้เราก็เลยจะมาให้คำตอบที่เป็นทางออกของการประหยัดค่าไฟที่ทุกคนมองข้ามกันไปครับ นั่นก็คือ การเปลี่ยนหลอดไฟ เพราะทราบหรือไม่ครับว่า เพียงแค่เราเปลี่ยนหลอดไฟในบ้านให้เป็นหลอดประหยัดไฟ ก็สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยทีเดียว แล้วทีนี้คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วหลอดแบบไหนล่ะถึงประหยัดไฟมากที่สุด คำตอบเดียวที่อยากแนะนำเลยนะครับก็คือ หลอดไฟ LED

ทำไมหลอด LED ถึงประหยัดไฟ

ถ้าจะบอกแค่ว่า LED คือนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยประหยัดค่าไฟเฉยๆ หลายๆ คนก็อาจจะรู้สึกว่า ก็ใช่สิ คิดของมาขายก็ต้องอวยว่ามันดี ดังนั้น จึงขออธิบายให้เห็นภาพที่ทุกคนเข้าใจมากขึ้นอีกนิด ด้วยความเข้าใจพื้นฐานที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่า ค่าวัตต์ หรือค่ากำลังไฟที่มากนั้น จะมีผลต่อการกินไฟที่ทำให้ค่าไฟของเราแพง ซึ่งยิ่งค่าวัตต์มากเท่าไร ค่าไฟเราก็แพงมากเท่านั้นนั่นแหละ ทีนี้ เวลาเราจะเลือกซื้อหลอดไฟที่เราบอกเอาวัตต์เท่านั้นเท่านี้เนี่ย เราเลือกเยอะขึ้นก็เพราะเราต้องการให้มันสว่างมากขึ้น ถูกไหมครับ

ซึ่งจริงๆ แล้วค่าความสว่างนั้น เขาดูกันจากค่าลูเมน (LM) ไม่ใช่ค่าวัตต์ แต่โดยพื้นฐานของหลอดไฟธรรมดาแล้ว หลักการของมันก็คือ ค่าวัตต์มาก ค่าลูเมนก็มาก ทำให้เวลาเราต้องการความสว่างมาก ก็เลยไปเน้นที่เอาวัตต์มากๆ เอาวัตต์เท่านั้น เท่านี้ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เราได้หลอดไฟที่ “กินไฟ” เป็นหลักมาโดยปริยาย เพราะจริงๆ แล้วเราต้องดูลูเมนเป็นเกณฑ์ ว่าหากต้องการความสว่างเท่านี้ หลอดไฟแบบไหนใช้กำลังไฟหรือค่าวัตต์เท่าไร ซึ่งในเกณฑ์ที่ลูเมนหรือค่าความสว่างเท่ากัน ใครใช้กำลังวัตต์น้อยกว่าหลอดนั้นนั่นแหละกินไฟน้อยกว่า ประหยัดไฟมากกว่า

และหลอด LED นี่แหละครับ คือตัวจริงเรื่องประหยัดไฟ เพราะในระดับค่าความสว่างที่เท่ากัน หลอด LED ใช้กำลังวัตต์ที่น้อยกว่าหลอดธรรมดามากถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งนั่นเป็นเกณฑ์ทั่วไปนะครับ เพราะจริงๆ แล้วบางบริษัทที่ผลิต LED นั้นสามารถผลิตหลอดไฟที่ให้ค่าความสว่างถึง 300 ลูเมน โดยใช้กำลังไฟแค่วัตต์เดียวก็มี!! ซึ่งถ้าเทียบกับหลอดไฟธรรมดาที่ค่าเฉลี่ยอัตราความสว่างกับกำลังไฟอยู่ที่ประมาณ 40-80 ลูเมนต่อวัตต์ เท่านั้นเอง โอ้โห!! ถือว่า LED ประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดธรรมดาทั่วไปแบบชนิดที่น่าตกใจเลยทีเดียว

LED ไม่ได้มีดีแค่ ประหยัดไฟ

ความดีงามของหลอด LED ไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องของการประหยัดไฟที่ใช้กำลังไฟวัตต์น้อยเท่านั้น หากแต่ในเรื่องของอายุการใช้งานและความคงทน LED ก็อึด!! ถึก!! ทน!! กว่าหลอดไฟชนิดอื่นมากๆ ยกตัวอย่างหลอดตะเกียบที่มีอายุการใช้งานอยู่ราว 6,000 ชั่วโมง ที่ก็ถือว่านานแล้ว ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับ หลอดไฟ LED แบบหมดรูป เพราะอายุการใช้งานเฉลี่ยของหลอด LED นั้นอยู่สูงถึงที่ 15,000 ชั่วโมงเลยทีเดียว นั่นทำให้จากที่ประหยัดไฟอยู่แล้วเพราะกินไฟน้อย ก็ยังประหยัดค่าเสื่อม ไปได้อีก เพราะถ้าเป็นหลอดธรรมทั่วไป ปีๆ หนึ่งเราอาจต้องเปลี่ยนบ่อย แต่พอเป็น LED แล้วก็ใช้งานได้นานหลายปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานด้วยนะครับ

ประหยัดไฟ ใช้ได้นานแล้ว LED มีดีอะไรอีก

ยังไม่หมดแค่เรื่องกินไฟน้อยใช้ได้นานเท่านั้น LED ยังมีข้อดีที่เหนือกว่าหลอดไฟธรรมดาอื่นๆ อีกมาก ที่ทำให้เราควรหันกลับมามองแล้วตัดสินใจเลือกใช้หลอด LED กันให้มากขึ้น โดยข้อดีของหลอดไฟ LED อื่นๆ ได้แก่ ทนต่อแรงกระแทก สั่นสะเทือน และการกัดกร่อนได้ดีกว่า เรียกได้ว่าสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายได้มากกว่าเลยแหละ ไม่ว่าจะเรื่องของการสั่นสะเทือน เวลาปิดประตูกระแทกแรงๆ หรือสภาวะกลางแจ้ง การกัดกร่อน LED ก็ทนกว่าหลอดทั่วไปมาก ที่สำคัญอีกข้อที่เหนือกว่าแบบเป็นสิ่งที่เราควรเลือกใช้ก็คือ LED ไม่เป็นอันตราย คือไม่มีสารปรอท ไม่มีสารพิษ เป็นมิตรทั้งกับเราและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่างจากหลอดอื่นๆ ที่มีสารปรอทและเป็นอันตรายต่อคนในบ้านรวมถึงสิ่งแวดล้อมด้วย  ทั้งนี้ หลอดไฟ LED ยังเป็นหลอดไฟที่ไม่มีรังสี UV ที่มีผลเสียต่อผิวหนังและสายตาของคนเรา รวมถึงไม่มีรังสีอินฟาเรด หรือรังสีอื่นใดๆ เลยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิต ทำให้เป็นหลอดไฟรักษ์โลก ที่ก็ดูแลรักษาสุขภาพเราได้ดีในแบบที่หลอดไฟชนิดอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ พูดข้อดีมาเยอะขนาดนี้แล้ว ก็น่าจะพอให้เราเปรียบเทียบได้แล้วล่ะครับว่า ทำไมเราจึงควรให้โอกาส LED มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราบ้าง

อันที่จริงแล้วคุณสมบัติของหลอดไฟ LED นั้น ก็ได้รับการเผยแพร่และบอกต่อกันมานานมากๆ หากแต่ด้วยราคาของหลอดไฟ LED ที่แพงกว่าหลอดธรรมดาทั่วไปค่อนข้างมากอยู่เหมือนกัน จึงทำให้คนส่วนใหญ่ ยังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเท่าไร เพราะเขารู้สึกว่า “มันก็แค่หลอดไฟ จะไปเอาอะไรกันมากมายนักหนา” แต่ทั้งนี้ ก็อยากให้ลองพิจารณาทบทวนดูใหม่อีกสักนิดว่า แท้จริงแล้ว “หลอดไฟ” หรือ “โคมไฟ” นั้น ล้วนเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตคนเราอย่างแยกจากกันไม่ออก เราเสียค่าไฟ เราใช้ไฟในการอ่านหนังสือทำกิจกรรม สายตาเราสั้นลงได้ หรือเสียมีปัญหาป่วยเป็นโรคได้ก็เพราะแสงไฟ และเราก็ต้องใช้ไฟไปตลอดชีวิต

ดังนั้น การเลือกใช้ไฟที่ดีและคุ้มค่ากับเรา กับโลกใบนี้ จึงเป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจและให้ความสำคัญ เพื่อคืนวันที่ดีของโลกและเรา ทั้งสุขภาพ และเงินในกระเป๋า ทั้งนี้ ขอทิ้งท้ายเอาไว้ถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเลือกใช้หลอดไฟ LED สักนิดว่า โดยเฉลี่ยแล้วหลอดไฟ LED 1 หลอดที่เราซื้อมาใช้ จะช่วยเราประหยัดไฟและคืนทุนภายใน 2 ปี และหลังจากนั้นถือว่าเป็นกำไรล้วนๆ ซึ่งอายุการใช้งานเฉลี่ยของ LED นั้น ถ้าเราใช้งานด้วยพฤติกรรมที่ถูกต้อง สามารถใช้งานได้นานถึงมากกว่า 15 ปี เลยทีเดียว!!

Powered by MakeWebEasy.com
มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้