Last updated: 23 มิ.ย. 2566 | 185 จำนวนผู้เข้าชม |
แสงไฟคือสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะยามค่ำคืน บ้านที่ไฟฟ้าดับนี่นับเป็นปัญหาที่หลายคนอาจไม่ค่อยได้เจอแล้ว แต่ถ้ามันเกิดดับฉุกเฉินขึ้นมาแล้ว บ้านของเราไม่ได้มีไฟสำรอง ก็คงต้องเดือดร้อนกันบ้าง จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้ว่าหลอดไฟที่เราใช้ ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนกันได้แล้ว และนี่คือ 3 อาการที่เป็นสัญญาณบอกว่า ถึงเวลาเปลี่ยนหลอดไฟได้แล้ว
1.แสงสั่นไฟกระพริบปัญหาจิ๊บๆ ที่ไม่น่าเป็นห่วง
น่าจะเคยเห็นเคยเจอกันมาบ้างครับ กับอาการหลอดสั่น หรือพอเราเปิดไฟขึ้นมาแล้วจะมีลักษณะเป็นแสงกระพริบปิ๊บๆ ตลอดเวลา ทั้งนี้ สาเหตุของอาการดังกล่าวอาจแตกต่างกันไป โดยอาจเป็นเพราะบัลลาสต์เสีย ซึ่งตรงนี้ก็เช็คได้ด้วยการลองถอดสตาร์ทเตอร์ออกดู ถ้าถอดออกแล้วไฟหยุดกระพริบก็แสดงว่าเราต้องเปลี่ยนสตาร์ทเตอร์ใหม่ หรือบางทีก็อาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าไม่พอ เวลาไฟตกหลอดก็จะกระพริบ ถ้าเป็นข้อนี้ล่ะก็ เราต้องดูว่าในบ้านเราใช้ไฟมากแค่ไหน และหม้อแปลงไฟฟ้าเรานั้น มีขนาดพอเหมาะกับปริมาณไฟที่ใช้ภายในบ้านหรือเปล่า
2. เปิดไฟปุ๊บ แต่ไม่สว่างปั๊บนับนิ้วรอตั้งนานกว่าไฟจะติด
อาการแบบนี้ หลักๆ เป็นได้ 2 สาเหตุ คือถ้าสตาร์ทเตอร์ไม่เสื่อม ก็หลอดไฟนั่นแหละที่เสื่อมซึ่งวิธีแก้ไขก็เช่นเดิมครับ คือ เปลี่ยนใหม่สถานเดียว เพิ่มให้อีกนิดสำหรับการดูว่าหลอดไฟเสื่อมไหมก็คือ ให้ดูที่ขั้วหลอดครับ ถ้าพบว่ามันดำ ก็แสดงว่าเสื่อมแล้วล่ะ ซึ่งสาเหตุของการดำนั้นก็มีได้ 2 อย่างคือ ใช้งานมานานแล้ว หรือหากเป็นหลอดใหม่ก็อาจเกิดจากการลัดวงจรของบัลลาสต์ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังก็ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์ด้วยนะครับ
3. เปิดไฟแล้วมีเสียงดังหึ่ง หึ่ง หึ่ง แสดงว่ากำลังมีปัญหา
โดยมากเสียงหึ่งๆ เวลาเปิดไฟนี้มักจะเกิดขึ้นกับหลอดไฟที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้งานมาเป็นเวลานานๆ แล้วพอมาเปิดก็จะเกิดเสียงขึ้น ซึ่งโดยมากแล้ว สักพักเสียงก็จะหายไปเอง แต่ถ้าเกิดว่าเสียงหึ่งๆ ไม่หายไป ขอให้ลองเช็คดูที่บัลลาสต์ครับ อาจเป็นได้ว่าเกิดจากแกนเหล็ก ของบัลลาสต์หลวมอยู่ ก็ต้องแก้ไขด้วยการลองขยับดู แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนบัลลาสต์ครับ
ปัญหาหลอดไฟในบ้านเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจ เพราะหากปล่อยอาการทิ้งไว้ อาจลุกลามใหญ่เกิดไปอุบัติเหตุ เป็นอันตรายได้ หรืออย่างน้อยเราก็ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิดที่ไฟเสีย แล้วทำอะไรไม่ได้นะครับ และอย่าลืมเปลี่ยนไฟครั้งต่อไป เลือกใช้หลอดไฟ LED คุณภาพ เลือกหลอดไฟ LED BEC นะครับ